สื่อเยอรมันเสนอข่าวในหัวข้อ “แบบอย่างการป้องกันโรคในประเทศไทย”
สำนักข่าว braunschweiger-zeitung ของประเทศเยอรมนีได้เขียนบทความเกี่ยวกับการป้องกันโควิด-19 ในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้
พวกเราสามารถเรียนรู้ได้จากประเทศไทย (วันที่ 31 มีนาคม 2020)
พวกเราเพิ่งจะกลับมาจากประเทศไทยเมื่อ 6 วันก่อน หลังจากอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และได้พบเห็นมาตรการการป้องกันโรคที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในส่วนต่างๆ ของประเทศไทย
ในช่วงต้นเดือนมีนาคม, ซึ่งเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสยังไม่มากนัก … ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า, ทางเข้ารถไฟใต้ดิน, ในร้านอาหารแบบเปิดโล่ง (ที่ยังไม่ปิด แต่ก็มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น) หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ก็ยังมีเจลล้างมือฆ่าเชื้อให้บริการอยู่ด้วย
แม้แต่ราวบันไดเลื่อนก็ยังมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีโดยพนักงานของรถไฟใต้ดินเพื่อฆ่าเชื้อในเวลากลางคืน
ในช่วงที่กำลังเดินทางออกจากสนามบินในกรุงเทพฯ ก็มีการตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกายด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ ฯลฯ
แต่หลังออกจากประเทศไทยมาแล้วก็ไม่มีการตรวจคัดกรองพวกเราอีกเลย จนกระทั่งพวกเรากลับถึงบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่สนามบินดูไบ หรือว่าที่สนามบินลอนดอน หรือแม้แต่การเดินทางด้วยรถไฟยูโรสตาร์ที่เดินทางจากกรุงลอนดอนมายังกรุงบรัสเซลส์ รวมไปถึงสถานีรถไฟที่เยอรมนีก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
**********************
อีกหนึ่งสำนักข่าวอย่าง morgenpost ได้เขียนบทความถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2020 โดยมีชื่อหัวข้อว่า “โคโรน่าไวรัส: สิ่งที่เบอร์ลินสามารถเรียนรู้ได้จากกรุงเทพฯ”
ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านโคโรน่าไวรัส คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการฆ่าเชื้อและการสวมหน้ากากได้
สำหรับชาวเบอร์ลินที่เดินทางไปยังเมืองหลวงของประเทศไทยอยู่เป็นประจำคงจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับเมื่อปีก่อนๆ … เห็นได้ชัดว่ากรุงเทพฯ นั้นว่างเปล่าเมื่อเทียบกับช่วงปกติ … ซึ่งมีสาเหตุมาจากโคโรน่าไวรัส … เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในตอนนี้ถูกยกเลิกไปเกือบหมดแล้วในประเทศไทย … แต่อย่างไรก็ตามมาตรการการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่าในกรุงเบอร์ลิน
ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปที่ไหน, ถนนหนทางและร้านอาหารก็ดูว่างเปล่ามากกว่าที่เคย, คุณจะรู้สึกเหงาเมื่อมาเดินในห้างสรรพสินค้า … นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงเทพฯ จะรู้สึกคุ้นชินกับผู้คนจำนวนมากที่ซ่อนใบหน้าเอาไว้ภายใต้หน้ากาก แต่ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุคือสภาพอากาศที่ย่ำแย่ในเมืองหลวง
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนี้มีประชาชนสวมหน้ากากเพิ่มขึ้นอย่างมากและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็สวมมันไว้เพื่อป้องกันตัวเอง
แทบจะไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานโรงแรมคนไหนไม่สวมหน้ากากเลย
เคาน์เตอร์ต้อนรับทุกที่จะมีป้ายแนะนำด้านสุขอนามัยและขวดเจลล้างมือฆ่าเชื้อ แม้แต่การสั่งอาหารในโรงแรม หรือ แผงลอยริมถนนหลายแห่งก็มีการสวมหน้ากากด้วยเช่นกัน
ในสถานีใหญ่ๆ ของรถไฟลอยฟ้า และ รถไฟใต้ดินก็มีบริการขวดเจลล้างมือฆ่าเชื้อที่เข้าถึงทุกคนได้อย่างง่ายดาย
หน้ากากอนามัยจำนวน 1.35 ล้านชิ้นถูกผลิตขึ้นมาทุกวัน ตามการรายงานของกระทรวงพาณิชย์ในประเทศไทย ซึ่งหน้ากากจำนวน 1.35 ล้านชิ้นนี้จะถูกผลิตขึ้นโดย 11 โรงงานเป็นประจำทุกวัน โดยมากกว่า 200,000 ชิ้น/วัน จะถูกส่งไปให้กับพนักงานของห้างสรรพสินค้า และ 18,000 ชิ้น/วัน จะถูกส่งไปให้กับพนักงานของสายการบินไทย แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้คาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 5 ล้านชิ้น/วัน ในอนาคตอันใกล้นี้
สิ่งที่นักท่องเที่ยวอาจจะพบว่ามันเกินความจริง แต่ก็สามารถอธิบายได้ ก็คือ เหตุการณ์สำคัญถูกยกเลิก, แต่การให้การศึกษาและการฆ่าเชื้อโรคก็สำคัญมากเช่นกัน ถ้าคุณอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คุณจะได้รับการทักทายตรงทางเข้าด้วยป้ายข้อมูลและขวดเจลฆ่าเชื้อ … โต๊ะที่ประกอบด้วยป้ายข้อมูลและขวดเจลฆ่าเชื้อก็มีวางอยู่บริเวณบันไดเลื่อนของแต่ละชั้นด้วยเช่นกัน … แทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนเลยที่จะไม่ใช้ข้อเสนอฟรีๆ แบบนี้ … ตรงหน้าห้างสรรพสินค้าก็จะมีพนักงานคอยตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของนักท่องเที่ยวด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรด … กระบวนการนี้ก็พบได้ในเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาด้วยเช่นกัน
ที่สนามบินในประเทศไทยก็ทำในแบบเดียวกันเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัสอย่างเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น ที่สนามบินระนอง ผู้โดยสารจะต้องเดินทางจากเครื่องบินไปยังอาคารผู้โดยสาร … โดยผู้โดยสารจะต้องผ่านคัดกรองด้านความปลอดภัยโดยบุคลากรทางการแพทย์เสียก่อน จากนั้นก็วัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารแต่ละคน … ที่สนามบินในเมืองหลวง ผู้โดยสารก็ต้องได้รับการคัดกรองอย่างใกล้ชิด … บางสายการบินจะมีพนักงานคอยวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารก่อนที่พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ผ่านไปยังจุดคัดกรอง
ที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตและสนามบินเทเกิล … คุณอาจจะรู้สึกประทับใจว่าไวรัสยังมาไม่ถึงประเทศเยอรมนีเลย … แทบจะไม่มีข้อมูลหรือการควบคุมใดๆ เลย
อ้างอิง: https://www.morgenpost.de/berlin/article228635547/Coronavirus-Was-Berlin-von-Bangkok-lernen-kann.html
ฝากติดตามช่องยูทูปด้วยนะจ๊ะ >>> EJComment
พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ