บทความจากอินเดีย: ส่องคู่แข่งเอเชียนคัพ "ทีมชาติไทย"
กีฬา บทความ

บทความจากอินเดีย: ส่องคู่แข่งเอเชียนคัพ “ทีมชาติไทย”

แปลโดย : แอดมินอีเจ้
เครดิตเพจ : เพจคอมเมนต์แฟนกีฬาต่างชาติ
เครดิตเว็บ : www.ejcomment.com
***ความคิดเห็นเหล่านี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่ได้หมายความถึงความคิดเห็นของคนทั้งประเทศ ดังนั้นจึงไม่สามารถตีความเหมารวมได้ … อยากให้มีสติในการอ่านและวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์กันนะจ๊ะ ^^***

บทความจากอินเดีย: ส่องคู่แข่งเอเชียนคัพ “ทีมชาติไทย”

ช้างศึกได้รับการยกย่องจากหลายคนว่าเป็นคู่แข่งที่ยากที่สุดของอินเดียในกลุ่มเอ

ในกลุ่มเอ มีการแข่งขันกันสูงมาก, ทีมไทยคือทีมรองบ่อนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีอันดับฟีฟ่าต่ำที่สุดในกลุ่มแต่ฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของพวกเขาบ่งบอกถึงความแตกต่าง พวกเขาสามารถผ่านเข้ามาเล่นเอเชียน คัพมาได้หลังจากที่พลาดไปในปี 2011 และ 2015 และกำลังมองหาประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในครั้งนี้ สำหรับประวัติการเล่นในรายการนี้ของทีมไทย, การคว้าอันดับ 3 ในปี 1972 ถือเป็นอันดับที่ดีที่สุด ด้วยระเบียบวินัยและการบริหารจัดการที่ดี, ทีมไทยกำลังพยายามที่จะชกกับคู่ต่อสู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า และราเยวัชถือว่ามีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้นได้

ฟอร์มการเล่นก่อนหน้านี้ในรายการเอเชียนคัพของทีมไทย

ประเทศไทยล้มเหลวในการแข่งขันรอบคัดเลือกเอเชียน คัพ 2015 เนื่องจากผลงานอันน่าผิดหวังในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม, โดยช้างศึกจบอันดับสุดท้ายของกลุ่มซึ่งประกอบด้วยอิหร่าน, คูเวต, และเลบานอน หลังจากไม่สามารถเอาชนะใครได้เลยทั้ง 6 นัดและมีผลต่างประตูได้เสียถึง -14 ประตู

เกี่ยวกับทีมไทย
ทีมไทยมุ่งหน้าสู่การแข่งขันรายการเอเชียน คัพหลังจากจบรายการเอเอฟเอฟซูซูกิ คัพ แชมป์เก่าทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม ทีมตัวเต็งอย่างไทยก็มาสะดุดในรอบรองชนะเลิศให้กับทีมมาเลเซียด้วยกฎประตูทีมเยือน กองหน้าช้างศึกอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษรพลาดจุดโทษสำคัญของเกม, ซึ่งนำไปสู่การยอมจำนนในที่สุด

ทีมไทยถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งของกลุ่มเอ ในรายการเอเชียนคัพ
แม้ว่าจะไม่สามารถผ่านมาเลเซียไปได้, แต่รายการนี้ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกกับผู้เล่นดาวรุ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์มการเล่นของพรรษา เหมวิบูลย์ และฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรายการนี้ ส่วนกองหน้าอย่างอดิศักดิ์ ไกรษรที่พลาดจุดโทษที่จะทำให้ทีมเอาชนะได้ในรอบรองชนะเลิศก็จบด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดในรายการด้วยประตูรวม 8 ประตู และทีมไทยเองก็ยังไม่ได้แพ้ใครเลยทั้งรายการ

หัวหน้าโค้ช มิโลวาน ราเยวัช
ความสำเร็จสูงสุดของโค้ชมิโลวาน ราเยวัชคือการพาทีมกาน่าผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2010 และที่ไม่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเนื่องจากการทำแฮนด์บอลของหลุยส์ ซัวเรส และการยิงจุดโทษที่น่าผิดหวัง เขามารับหน้าที่เป็นหัวหน้าโค้ชทีมชาติไทยในเดือนเมษายน ปี 2017 หลังจากการลาออกของโค้ชเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองที่ทำผลงานการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายได้อย่างน่าผิดหวัง

ภายใต้การคุมทีมของมิโลวาน ราเยวัช, ประเทศไทยได้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง
การแข่งขันนัดแรกภายใต้การคุมทีมของเขา ทีมไทยเปิดบ้านเสมอกับทีมยูเออี และภายใต้การคุมทีมของเขาช้างศึกสามารถรักษาตำแหน่งแชมป์คิงส์คัพ2017 เอาไว้ได้ด้วยการเอาชนะต่อเกาหลีเหนือและเบลารุส กุนซือชาวเซอร์เบียคนนี้ได้เข้ามาสร้างวินัยและระบบระเบียบในเกมรับและเกมโต้กลับที่รวดเร็วและเด็ดขาด เขาเข้ามาเพื่อจัดการกับจุดอ่อนด้านการป้องกันและตัวเขาเองก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเก๋าได้อย่างโดดเด่น  ช้างศึกพ่ายแพ้ต่อทีมสโลวาเกียในคิงส์ คัพ 2018 ไปอย่างน่าเสียดาย แต่เป็นสัญญาณเชิงบวกที่ดีขึ้นและมั่นคงมากขึ้น และการไม่แพ้ใครในรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ด้วยการใช้ผู้เล่นชุดสำรองถือเป็นข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว

รายชื่อนักเตะทีมชาติไทย 27 คน ก่อนตัดตัวเหลือ 23 คนไปแข่งขันเอเชียน คัพ
ผู้รักษาประตู
นายกวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, นายศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, นายฉัตรชัย บุตรพรม, นายสรานนท์ อนุอินทร์

กองหลัง
นายกรกช วิริยอุดมศิริ, นายพรรษา เหมวิบูลย์, นายเฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, นายพีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, นายทริสตอง โด , นายมิก้า ชูนวลศรี, นายอดิศร พรหมรักษ์, นายธีราทร บุญมาทัน, นายชินภัทร์ ลีเอาะ, นายสุพรรณ ทองสงค์

กองกลาง
นายศศลักษณ์ ไหประโคน, นายสุภโชค สารชาติ, นายปกเกล้า อนันต์, นายสุมัญญา ปุริสาย, นายสรรวัชญ์ เดชมิตร, นายธนบูรณ์ เกศารัตน์, นายฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, นายชนาธิป สรงกระสินธ์

กองหน้า
นายศุภชัย ใจเด็ด, นายธีรศิลป์ แดงดา, นายอดิศักดิ์ ไกรษร, นายชนานันท์ ป้อมบุบผา, นายสิโรจน์ ฉัตรทอง

นักเตะ 3 คนที่ต้องจับตามอง
1. อดิศักดิ์ ไกรษร เขาจะเป็นกุญแจสำคัญของทีมชาติในการแข่งขันเอเชียน คัพ ในครั้งนี้ เขาคือหนึ่งในผู้ที่ทำประตูได้มากที่สุดของไทยในรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 เนื่องด้วยกองหน้าตัวหลักของไทยอย่างธีรศิลป์ แดงดา ไม่สามารถลงเล่นได้ในรายการนี้ ทำให้อดิศักดิ์กลายมาเป็นผู้เล่นตัวหลักในแดนหน้า กองหน้าทีมเมืองทองยูไนเต็ดสามารถทำได้ 8 ประตูจากการแข่งขัน 6 นัด, โดยทำได้ 6 ประตูในนัดที่พบกับติมอร์ เลสเต แต่ก็เปลี่ยนจากฮีโร่การเป็นผู้ร้ายอย่างรวดเร็วด้วยการพลาดจุดโทษในเกมตัดสินกับมาเลเซียในรอบรองชนะเลิศ เขาจะกลับมาฟื้นความเชื่อมั่นอีกครั้งด้วยฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในรายการเอเชียน คัพ กองหน้าวัย 27 ปี คือกุญแจสำคัญในเกมรุก และจะทำงานประสานกันกับธีรศิลป์เพื่อที่จะข่มขู่กองหลังของฝ่ายตรงข้าม

2. กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ในช่วงการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ สโมสรของเขา (โอเอช ลูเวิน) ได้ปฏิเสธการปล่อยตัวให้มาช่วยทีมชาติเนื่องจากไม่ใช่รายการแข่งขันในปฏิทินฟีฟ่า ด้วยอาการบาดเจ็บในการค้าแข้งกับทีมโอเอช ลูเวินในลีกเบลเยี่ยม ก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสำรองอย่างศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และฉัตรชัย บุตรพรมได้ลงเฝ้าเสาแทน แต่ถ้าทั้งสองคนโชว์ฟอร์มไม่ดี ก็จะเป็นโอกาสของกวินทร์ได้เฉิดฉายในการแข่งขันรายการเอเชียนคัพที่ยูเออีเมื่อเวลานั้นมาถึง   หากได้รับปลอกแขนกัปตันในรายการเอเชียน คัพ, กวินทร์ก็จะมองหาประสบการณ์ที่ดีมาใช้และนำทีมของเขาโดยการสร้างปราการป้องกันที่เหนียวแน่นและไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู่บุกรุกเข้ามาได้

3. ธีราธร บุญมาทัน การกลับมารับใช้ทีมชาติไทยอีกครั้งหลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการยืมตัวไปของทีมวิสเซล โกเบในลีกญี่ปุ่น เขาลงเล่นในเจลีกญี่ปุ่นทั้งหมด 24 นัด ได้เล่นเคียงข้างกับสุดยอดนักเตะอย่างแอนเดรส อิเนียสต้าและลูคัส โพดอลสกี้, ช่วยให้สโมสรจากญี่ปุ่นจบในอันดับที่ 10 ของลีก ประสบการณ์ของแบ็คซ้ายทีมชาติไทยจากการไปเล่นในญี่ปุ่นจะเป็นอีกหนี่งในปัจจัยสำคัญของทีมชาติไทยในการแข่งขันครั้งนี้
ธีราธร บุญมาทัน (ผู้เล่นทีมเมืองทองยูไนเต็ด) ถือเป็นผู้เล่นอันดับ 3 ที่มีความสามารถมากที่สุดของทีมชาติไทย ถัดจากธีรศิลป์และกวินทร์ โดยเขาได้ทำไปแล้ว 5 ประตูในนามทีมชาติ ฝีเท้าและทักษะของเขาถือว่ามีประโยชน์อย่างมากกับแท็คนิคเกมโต้กลับของราเยวัช และอดีตผู้เล่นทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดรายนี้ จะช่วยลบความผิดหวังจากรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ด้วยการเสริมทีมให้แข็งแกร่งในรายการเอเชียน ค้พ

สิ่งที่คาดการณ์เอาไว้
ประเทศไทยคือทีมที่มีอันดับฟีฟ่าต่ำที่สุดในกลุ่มเอ แต่อย่างไรก็ตาม, ด้วยฟอร์มการเล่นในปัจจุบันของพวกเขาก็ทำให้ไม่สามารถตัดสิทธิ์ช้างศึกออกไปได้ ภายใต้การคุมทีมของราเยวัช พวกเขารู้วิธีที่ดึงผลลัพธ์ที่ยากออกมาได้และจะไม่แปลกใจเลยหากเห็นพวกเขาก้าวหน้าขึ้นมาในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาเคยสร้างความยากลำบากอย่างมากให้กับยูเออีในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาพบกัน

ด้วยชุดผู้เล่นที่มีวินัยและแข็งแกร่ง และโค้ชจอมแท็คติกที่เป็นเสมือนหางเสือเรือ, ทีมไทยไม่ใช่ทีมรองบ่อนอีกต่อไป พวกเขาหวังที่จะเริ่มต้นอย่างเหมาะสมในเกมที่พบกับอินเดีย ในวันที่ 6 มกราคมนี้ โดยเป้าหมายของพวกเขาคือการเข้าสู่รอบน็อคเอาท์

source: khelnow.com

เข้าสู่หน้าหลัก >>>ejcomment.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ อย่าลืมกดไลค์ด้วยนะจ๊ะ ^^

พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ

Facebook Comments