การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 45 รอบแรก ในวันที่ 14 กรกฏาคม 2560 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยในคู่ที่สองของวันนี้ เป็นทีมชาติไทย ที่เอาชนะ ทีมชาติเกาหลีเหนือ 3-0
หลังจบเกมการแข่งขัน มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า “เราพอใจมากกับผลการแข่งขันนัดนี้ อย่างที่ทุกคนเห็นเราเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากเพียงใด วิธีการเล่น รูปร่างของพวกเขามีความแข็งแกร่ง และครึ่งแรกพวกเขาวิ่งได้เยอะกว่าเรา รวมถึงแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นที่ต้องการเป็นผู้ชนะ แม้ว่าจะช่วงท้ายที่ออกอาการหมดแรงออกมา แต่ต้องขอบคุณเกาหลีเหนือที่ร่วมกันสร้างเกมดีๆให้แฟนบอลได้ชม”
“เราทำได้ตามแผนที่วางไว้ พยายามโจมตีจุดอ่อนของเกาหลีเหนือ จนมาได้ประตูแรกที่มาถูกทุกเวลา ช่วงก่อนหมดครึ่งแรก เราบอกไม่ได้หรอก ตอนก่อนเกม หรือระหว่างเกม ว่าสกอร์ 3-0 เป็นอย่างที่คาดหวังหรือไม่ เพราะฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ผมพอใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นและสกอร์ที่ออกมา”
“อีก 2 วันต่อจากนี้เราจะเข้าชิงชนะเลิศ สิ่งสำคัญคือเรื่องของการฟื้นฟูร่างกายนักเตะเพื่อพร้อมสำหรับเกมนัดชิง เพราะนัดนี้เราใช้พละกำลังค่อนข้างเยอะ แต่ที่ผ่านมาเราได้วางแผนและพยายามฝึกซ้อมให้นักฟุตบอลของเรามีพละกำลังมากขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าพอใจที่เราพัฒนาตรงนี้ได้ ต้องขอบคุณและแสดงความยินดีกับผู้เล่นทีมชาติไทยทุกคนที่สามารถผ่านสู่รอบชิงชนะเลิศได้”
“แน่นอนว่า ผมได้มีโอกาสดูเกมระหว่าง เบลารุส กับ บูร์กินาฟาโซ ซึ่งการเจอกับทีมจากยุโรปย่อมเป็นเกมที่ยากเสมอ แต่เราก็ได้เตรียมทีมมาเป็นอย่างดี อย่างที่ โจเซ มูรินโญ เคยกล่าวไว้ มันไม่สำคัญว่ารูปเกมจะออกมาอย่างไร ผลการแข่งขันตั้งหากที่สำคัญกว่า และเราจะทำให้ดีที่สุดในเกมนัดนั้น”
ในขณะที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กองกลางทีมชาติไทย กล่าวว่า “ในครึ่งแรกเราเล่นกันผิดพลาดอยู่พอสมควร ครึ่งหลังโค้ชจึงได้ปรับแท็คติกเราออกบอลให้ง่าย ทำให้เกมของเราดีขึ้น และทุกคนช่วยเหลือกันตลอดทั้งเกม จนเราได้ผลการแข่งขันที่ดี”
“ส่วนตัวผม ไม่ว่าจะลงเล่นรายการไหนก็ต้องการเป็นแชมป์ ยิ่งรายการนี้แข่งที่ประเทศไทย เราต้องการทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด”
ส่วน ยอน อันเดอร์เซ่น หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติเกาหลีเหนือ กล่าหลังจบเกมว่า “วันนี้ผมผิดหวังในเกมนี้ เราไม่ควรแพ้ ผมบอกทีมในห้องแต่งตัว ช่วงต้นเกมทีมชาติไทย จนถึงนาทีที่ 30 พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะลุ้นประตู แต่เรามีโอกาสมากกว่า แต่กลับปล่อยให้พวกเขายิงประตูได้ ในฐานะโค้ชผมรู้สึกผิดหวังมาก”
“ครึ่งหลังเราพยายามมากขึ้นแต่ก็ทำประตูไม่ได้ เราต้องเล่นให้ฉลาดกว่านี้ และไม่ควรเสียประตูง่ายๆแบบนี้ ผมบอกทีมอยู่เสมอ ในเกมก่อนๆ กับเวียดนาม แต่พวกเขาก็ยังทำผิดพลาดแบบเดิม”
“พวกเขาเล่นเกมรับได้ดี และตั้งรับลึกเพื่อรอโอกาส โค้ชคนใหม่ของเขาทำหน้าที่ได้ดี ผมเห็นเกมอื่นๆ ทั้งกับญี่ปุ่น และทีมอื่นๆ พวกเขาเสียหลายประตูแต่วันนี้พวกเขาไม่เสียประตู”
สำหรับ ทีมชาติไทย จะผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับ ทีมชาติเบลารุส ที่เอาชนะ ทีมชาติบูร์กินา ฟาโซ 3-0 ในการดวลจุดโทษ หลังจากเสมอกันแบบไร้สกอร์ในเวลาปกติ ในวันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ เวลา 19.30 น. ส่วนทีมชาติเกาลีเหนือ จะเข้าไปชิงที่สามกับ ทีมชาติบูร์กินา ฟาโซ ในวันเดียวกัน เวลา 16.30 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี ทั้งสองคู่
ข่าวและภาพจาก FA Thailand
เข้าสู่หน้าหลัก >>>ejcomment.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ … อย่าลืมกดติดตามด้วยนะจ๊ะ ^^
